ปัจจุบันผู้หญิงไทยมีแนวโน้มที่จะชะลอการแต่งงานและอยู่เป็นโสดมากขึ้น เนื่องจากเน้นให้ความสำคัญกับความก้าวหน้าในหน้าที่การงานและชีวิตส่วนตัวมากกว่าการแต่งงานมีครอบครัว และมักจะพร้อมมีบุตรก็ต่อเมื่อมีหน้าที่การงานและมีคู่ครองที่สมบูรณ์แล้ว แต่เมื่อพร้อมมีบุตรก็มักจะเกิดปัญหามีบุตรยาก เนื่องจากอายุที่เพิ่มมากขึ้น ตามมาด้วยคุณภาพหรือปริมาณของไข่ที่ลดน้อยลงด้วยเช่นกัน ทำให้ไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ในช่วงที่พร้อม ดังนั้นการฝากไข่จึงถือเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับว่าที่คุณแม่ ที่สามารถช่วยรักษาคุณภาพเซลล์ไข่ของผู้หญิง เพื่อนำไข่มาเก็บไว้ใช้สำหรับการตั้งครรภ์ในอนาคตได้
การฝากไข่กับ Bangkok Central Clinic IVF& Wellness จึงถือเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับว่าที่คุณแม่ที่สร้างโอกาสและสร้างอนาคตที่ดีสำหรับผู้ที่อยากมีบุตรแต่ยังไม่พร้อม หรือผู้ที่มีภาวะมีบุตรยาก รวมไปถึงผู้ที่มีโรคประจำตัวต่าง ๆ ด้วยวิธีการในการรักษาคุณภาพเซลล์ของไข่ เพื่อเก็บไข่ไว้ใช้สำหรับการตั้งครรภ์ในอนาคตที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสในการมีบุตรที่สำเร็จให้กับผู้มีบุตรยาก ทั้งทีมบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ ความมุ่งมั่นและตั้งใจในทุก ๆ รายละเอียด ประกอบกับเทคโนโลยีที่ทันสมัย การดูแลที่ใส่ใจเสมือนคนในครอบครัว จนสามารถสร้างความสำเร็จในการมอบบุตรสู่อ้อมแขนของคนเป็นแม่ได้ในหลาย ๆ เคส
ลดปัญหาภาวะรังไข่เสื่อม เพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์
ทพญ. นาฏรินทร์ นิธิฉัตรโชติรัตนา หรือ หมอทราย ประธานกรรมการบริหาร(CEO) บางกอกเซ็นทรัลคลินิก ไอวีเอฟ เวลเนส (Bangkok Central Clinic IVF & Wellness) กล่าวว่า การฝากไข่ที่ดีและมีคุณภาพ จากโครโมโซมที่ปกติ ควรมีอายุต่ำกว่า 35 ปี มากกว่านั้นก็สามารถฝากไข่ได้ควรปรึกษาแพทย์เพื่อพิจารณาเป็นรายบุคคล แต่เนื่องจากสภาพแวดล้อม มลภาวะ ความเครียดจากการทำงานและการพักผ่อนไม่เพียงพอ ทำให้ผู้หญิงปัจจุบันที่มีตั้งแต่อายุ 28 ปี เป็นต้นไป มีภาวะรังไข่เสื่อมก่อนวัยอันควร และมีไข่ที่ต่ำกว่าเกณฑ์เมื่อเทียบจากในอดีต และปัจจุบันภาวะรังไข่เสื่อมในผู้หญิงเกิดในหญิงที่อายุน้อยลงเรื่อย ๆ
จึงอยากให้ว่าที่คุณแม่ทุกคนที่มีอายุ 27-28 ปี เริ่มเข้ามาตรวจภายใน ตรวจเลือด และฝากไข่ไว้ แต่หากมีอายุระหว่าง 35 - 45 ก็สามารถฝากได้เช่นกัน แต่ควรมาตรวจและฝากไข่ให้เร็วที่สุด เพราะเมื่อฝากไข่เร็วเท่าไร ไข่ก็จะยิ่งมีประสิทธิภาพมากขึ้นเท่านั้น เพื่อคงคุณภาพและความสมบูรณ์ของไข่และโครโมโซม ซึ่งจะส่งผลให้มีอัตราการตั้งครรภ์เพิ่มมากขึ้น แต่ในกรณีที่ผ่านการสมรสแล้ว แพทย์จะแนะนำให้ผสมเป็นตัวอ่อนทันที คำตอบหนึ่งเดียวของคนที่อยากมีบุตร
ผู้หญิงที่รักตนเองทุกคนที่มาฝากไข่กับเรา เพื่อที่จะร่วมสร้างครอบครัวในอนาคตไปด้วยกัน โดยเราให้ความใส่ใจในทุกขั้นตอนแบบครบวงจรตลอด 24 ชั่วโมง เมื่อคนไข้เข้าสู่ภาวะความเสื่อมของเซลล์ไข่ ทีมแพทย์จะทำการวิเคราะห์เพิ่มเติมเพื่อเสริมเรื่องของวิตามิน ฯลฯ เพื่อชะลอความเสื่อมของเซลล์ให้ดีที่สุด ในส่วนของระยะเวลาในการกระตุ้นไข่ เพื่อฝากไข่จะเสร็จภายในเวลา 14 วัน หรือ 2 สัปดาห์ รวมถึงการฉีดยาป้องกันไข่สุก และอัลตร้าซาวด์ เพื่อนับจำนวนไข่ แต่หลังจากที่เรากระตุ้นไข่เสร็จสิ้นแล้ว และจะทำการเลี้ยงตัวอ่อนในห้องเลี้ยงตัวอ่อนอีก 5 – 6 วัน ขั้นตอนต่อไปจะตรวจโครโมโซมในเคสที่สามารถตรวจได้ ถึงแม้ในบางรายจะพบว่าไข่ที่ได้เป็นระยะ Germinal Vesicle หรือ GV ซึ่งเป็นไข่ที่มีคุณภาพดีน้อยที่สุด แต่ทีมงานทุกคนพยายามและใส่ใจในการดูแลไข่ในระยะ GV นี้ให้สามารถนำไปปฏิสนธิกับสเปิร์มได้ จนสามารถเติบโตกลายเป็นตัวอ่อนที่สมบูรณ์ในที่สุด